การแสดงออกถึงสิ่งที่ทำให้ VACHERON CONSTANTIN มีความโดดเด่นเหนือใคร
นาฬิกาบางเรือนได้จารึกความโดดเด่นทั้งในเรื่องของเวลา และในโลกแห่งการผลิตนาฬิกาชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนหรืองานศิลปะ นาฬิกาเหล่านี้ล้วนมีความโดดเด่นเฉพาะตัว และสะท้อนถึงเอกลักษณ์ด้านเทคนิคและสุนทรียภาพ นี่คือนาฬิกาที่รังสรรค์ขึ้นโดยตำนานของ Vacheron Constantin ตั้งแต่ในปี 1755 จวบจนถึงทุกวันนี้
นาฬิกาเรือกแรกที่เป็นที่รู้จักโดย JEAN-MARC VACHERON
ความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดีในมรดกของ Vacheron Constantin นาฬิกาสีเงินเรือนนี้มาพร้อมกับลายเซ็น “J.M. Vacheron à Geneve” บนกลไก และเป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่ระบุชื่อผู้ก่อตั้งเมซงตามชื่อจริงของเขา นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับกลไกคราวน์วีล และตกแต่งด้วย “เข็มนาฬิกาทองคำแกะลายอันประณีต” โดยมีสะพานจักร Balance-Cock ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่บนชิ้นส่วนที่เห็นได้ชัดที่สุดของกลไกเป็นดั่งข้อพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญอันสมบูรณ์แบบ ซึ่งมาตรฐานด้านเทคนิคและสุนทรียภาพระดับสูงเหล่านี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ของ Vacheron Constantin ในเวลาต่อมา
อิตาลี
นาฬิกาพกเยลโลว์โกลด์เรือนนี้ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตด้วยแผนที่ของอิตาลี พร้อมกับแกะสลักและลงยาโดยใช้เทคนิค champlevé หน้าปัดกิโยเช่สีเงินได้รับการตกแต่งด้วยตัวเลขโรมันลงยา 12 ตัวที่จัดเรียงกันเป็นวงกลมบอกชั่วโมง หน้าปัดย่อยกิโยเช่แสดงวินาทีขนาดเล็กยังมาพร้อมลวดลายตารางหมากรุกที่ดูทันสมัยอย่างน่าทึ่งอีกด้วย ความใส่ใจในรายละเอียดและงานฝีมืออันสมบูรณ์แบบเป็นดั่งลักษณะเฉพาะของประเพณีการตกแต่งสไตล์เจนีวา
CHRONOMÈTRE ROYAL
เมซงได้เปิดตัว Chronomètre Royal ครั้งแรกในปี 1907 และใช้ชื่อรุ่นเป็นเครื่องหมายการค้า นาฬิกาพกโครโนมิเตอร์เรือนนี้โดดเด่นจากนาฬิกาเรือนอื่นๆ ที่ผลิตในเวลานั้น และประสบความสำเร็จในทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และความแม่นยำระดับตำนานของนาฬิกาพกรุ่นนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากเหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่นาฬิกาไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมก่อนการมาถึงของนาฬิกาเรือนนี้
มหาราชาแห่งปัตเตียลา
ในระหว่างปี 1914 และ 1915 เมซงได้สร้างกลไกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ ที่เรียกว่า le tuyau (ไปป์) คาลิเบอร์นี้เป็นรุ่นก่อนหน้าของกลไกบาแกตต์ โดยมีความยาว 26 มม. และหนา 6.5 มม. และถูกนำมาใช้ในรุ่นทรงโค้งเพื่อรังสรรค์นาฬิกาข้อมือที่น่าทึ่ง นาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นจากทองคำ แพลทินัม และเพชร ทั้งยังโดดเด่นด้วยงานฝีมืออันชาญฉลาดของตัวเรือนฉลุลาย แกะลาย และแกะสลัก นาฬิกาที่โดดเด่นเรือนนี้ได้รับการสั่งทำโดย Sir Bhupinder Singh มหาราชาแห่งปัตเตียลา
JAMES WARD PACKARD
นาฬิกาพกเรือนนี้ซ่อนกลไกที่ซับซ้อนเป็นพิเศษไว้เบื้องหลังความเรียบง่าย เรือนเวลานี้ได้ผสมผสานกลไกซับซ้อนที่เป็นเอกลักษณ์หลายกลไกเข้าด้วยกัน รวมถึง โครโนกราฟพร้อมตัวจับเวลา 30 นาที Petite Sonnerie และ Grand Sonnerie และ Repeater บอกเวลาครึ่งชั่วโมงและ 15 นาที ซึ่งรังสรรค์ขึ้นมาสำหรับ James Ward Packard ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังชาวอเมริกันและนักสะสมนาฬิกา ทั้งยังมาพร้อมกับบาลานซ์ชดเชย Guillaume แก้วคริสตัลหิน และตัวเรือนแกะลายที่ทำมาจากทองคำ 20K โดยมีอักษรย่อของเจ้าของ ซึ่งลงยาสีน้ำเงินโดยใช้เทคนิค champlevé
อเมริกัน
การออกแบบทรงสี่เหลี่ยมลาดเอียงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Vacheron Constantin มาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1910 ในช่วงยุค Roaring Twenties นั้น นาฬิกาพกยังคงเป็นสิ่งที่นำเทรนด์อยู่ การสวมใส่นาฬิกาประเภทนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความทันสมัย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในหมู่ลูกค้าชาวอเมริกัน นาฬิการุ่นหายากนี้ถูกผลิตขึ้นมาด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา โดยมีตำแหน่งของเม็ดมะยมอยู่ที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา ซึ่งได้รับการผลิตมาสำหรับผู้ที่ถนัดซ้ายและขวาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ 10 ปี กลไกนาฬิกาข้อมือในยุคแรกๆ มีพื้นฐานมาจากโครงสร้างของกลไกนาฬิกาแบบจี้ นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการอ้างอิงภายใต้ชื่อกลไกคาลิเบอร์ RA 11’’ ซึ่งใช้การตกตแต่งของนาฬิกาพกรุ่นคลาสสิก เช่น แผ่นและสะพานจักรฉาบทอง ภายในคาลิเบอร์เหล่านี้ยังมาพร้อมการตกแต่งพิเศษสำหรับตลาดอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องลูกค้าที่มีความต้องการสูง รุ่นนาฬิกาต่างๆ ประกอบไปด้วยคาลิเบอร์ RA 11’’’62 และ RA 11’’’78 ซึ่งประดับทับทิมเพิ่มเติม แผ่นและสะพานจักรเหล่านี้มักจะถูกผลิตขึ้นโดยใช้อัลลอยด์เยอรมันซิลเวอร์ ซึ่งจะปกป้องชิ้นส่วนเหล่านี้จากการกัดกร่อนตามธรรมชาติ
LES BERGERS D'ARCADIE
นาฬิกาพกอันสง่างามเรือนนี้ได้รับการประดับด้วยภาพวาด Et in Arcadia ego ของ Nicolas Poussin พร้อมลงยาสำหรับชิ้นงานขนาดเล็กมาก ผลงานชิ้นนี้ได้รับการลงยาโดย Louise Goll หนึ่งในนักผลิตชิ้นงานจิ๋วชาวเจนีวาระดับชั้นนำในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ฝาครอบกันฝุ่นได้รับการแกะสลักตามภาพวาด The Arrival of the Harvesters in the Pontine Marshes ของ Léopold Robert โดยมีข้อความที่ตัดตอนมาจากดนตรีซิมโฟนี Pastoral Symphony ของ Beethoven อยู่ด้านล่าง ผลงานชิ้นเอกของคอลเลคชั่นที่มาพร้อมกลไกที่แกะสลักด้วยมือทั้งหมดได้แสดงถึงพรสวรรค์ของช่างฝีมือของเมซง ทั้งยังเป็นข้อพิสูจน์ว่างานฝีมือเชิงศิลปะไม่อาจแยกออกจากประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาชั้นสูงในเจนีวาและ Vacheron Constantin ได้
Arca
กลไกลายฉลุที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้ มาพร้อมการสำรองพลังงาน 30 วัน โดยมาพร้อมกลไกแรงคงที่ ได้รับการผลิตขึ้นในปี 1931 และใช้เพื่อขับเคลื่อนนาฬิกา Arca สิทธิบัตรหมายเลข 142508 ได้รับการจดทะเบียนในปี 1929 โดย Philippe René Jaccard ช่างผลิตนาฬิกาผู้เลื่องชื่อที่ ซึ่งโด่งดังจากผลงานเกี่ยวกับโครโนมิเตอร์และคาลิเบอร์แรงคงที่ของเขา ในปีเดียวกันนั้นเอง Vacheron Constantin ได้ชนะการแข่งขัน Concours de la Rive ที่จัดขึ้นโดย Société des Arts โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบรางวัลแก่การใช้งานระบบแรงคงที่ของ R. Jaccard ในนาฬิกาพก ทั้งนี้ได้มีการจัดแสดงนาฬิการุ่นที่คล้ายคลึงกัน (หมายเลขอ้างอิง 3354) ที่ Swiss National Exhibition ในซูริคในปี 1939
HEURE UNIVERSELLE
ในปี 1932 การร่วมมือระหว่าง Vacheron Constantin และ Louis Cottier ได้นำไปสู่การรังสรรค์นาฬิกาเรือนแรกที่ใช้ระบบโกต์ติเยร์ Heure Universelle ซึ่งมีหมายเลขอ้างอิง 3372 นี่เป็นกลไกเชิงกลเฉพาะที่มาพร้อมเขตเวลา 24 เขต โดยใช้ดิสก์ที่หมุนรอบหน้าปัดตรงกลาง และขอบหน้าปัดด้านนอกที่เขียนชื่อเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกถึง 31 เมือง กลไกคอมพลิเคชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความหมายของการสื่อสารและคมนาคมที่กำลังพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลไกคอมพลิเคชั่นนี้ยังคงปรากฏอยู่ในคอลเลคชั่นปัจจุบันของเมซง ซึ่งได้ผ่านการพัฒนาหลายครั้งโดยมักจะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศต่างๆ
4293
นาฬิกาข้อมือที่มีความซับซ้อนสูงเรือนนี้มาพร้อมกับตัวเรือนพิงค์โกลด์ ขนาด 38 มม. และ Minute Repeater และระบบแสดงปฏิทินสามตำแหน่ง พร้อมระบบข้างขึ้นข้างแรม นาฬิกาเรือนนี้เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Vacheron Constantin ในช่วงทศวรรษ 1940 โดยเฉพาะเขาสัตว์ทรงหยดน้ำ รวมถึงทักษะด้านเทคนิคการผลิตนาฬิกาในระดับสูง ซึ่งแสดงออกมาผ่านคาลิเบอร์ที่ยอดเยี่ยม
FAROUK
Vacheron Constantin ได้รังสรรค์หนึ่งในนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดให้กับ King Farouk บุตรของ King Fuad I แห่งอียิปต์ ซึ่งได้สืบทอดความชื่นชอบการผลิตนาฬิกาขั้นสูงมาจากบิดาของเขา ผลงานชิ้นเอกนี้ใช้เวลาสร้างสรรค์ถึง 5 ห้า โดยมาพร้อมกลไกคอมพลิเคชั่น 14 กลไก นาฬิกาตีบอกเวลาที่โดดเด่นเรือนนี้มาพร้อมกับชุดเฟืองสองชุดที่ทำมาจากเยลโลว์โกลด์ 18K โดยมาพร้อมกับ Minute Repeater แบบ Carillon ที่ใช้งาน Petite Sonnerie และ Grand Sonnerie ทั้งยังประกอบไปด้วยฆ้องและค้อนอย่างละสามชิ้น Split-Seconds Chronograph และตัวจับเวลา 30 นาที ปฏิทินถาวร ฟังก์ชันแสดงข้างขึ้นข้างแรม นาฬิกาปลุก และตัวระบุพลังงานสำรองสองตัว
BOISROUVRAY
นาฬิกาพกชนิดไร้กุญแจไขลานอันงดงามเรือนนี้มาพร้อมตัวเรือนฮันเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากทองคำ 18K ทั้งยังโดดเด่นด้วยบาลานซ์ Guillaume นาฬิกาพกเรือนนี้ยังประกอบไปด้วย Minute Repeater ที่ประกอบไปด้วยฆ้องและค้อนอย่างละสามชิ้น ปฏิทินถาวรที่แสดงปีอธิกสุรทินและฟังก์ชันแสดงข้างขึ้นข้างแรม ตัวจับเวลาแบบนับรวม และนาฬิกาปลุก นาฬิกาเรือนนี้ได้ถูกขายให้กับ Count Guy de Boisrouvray ในปี 1948 กลไก Grand Complication เป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดอันดับสามที่ Vacheron Constantin ผลิตขึ้นมา จวบจนถึงปี 2015
222
นาฬิกาที่มีลักษณะเฉพาะเรือนนี้ได้เปิดตัวในปี 1977 เพื่อฉลองครบรอบ 222 ปีของเมซง ตัวเรือนแบบชิ้นเดียวบนสายนาฬิกาแบบพอดีมาพร้อมกับขอบหน้าปัดแบบช่องหน้าต่างเรือที่ยึดไว้ด้วยน็อตจะช่วยให้นาฬิกาทนทานต่อการสึกหรอในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ลักษณะเฉพาะของนาฬิกาเรือนนี้ได้ทำให้ผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้เป็นหนึ่งในรุ่นนาฬิกา Vacheron Constantin ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดมาตลอดหลายทศวรรษ ทั้งนี้ 222 ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเลคชั่น Overseas ที่โดดเด่นไม่แพ้อีกด้วย
KALLISTA
นาฬิการุ่น Kallista (แปลว่า “สวยงามที่สุด” ในภาษากรีก) เป็นหนึ่งในผลงานเครื่องบอกเวลาที่เจิดจรัสที่สุด โดยได้รับการแกะสลักจากแท่งทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ประดับเพชร 118 เม็ด รวมกว่า 130 กะรัต นาฬิกาเรือนนี้ใช้เวลาถึงห้าปีในการตัดและประกอบเพชรทั้งหมด ทั้งยังใช้เวลากว่า 6,000 ชั่วโมงในการรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้
MERCATOR
การลงยาเป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของเมซง และปรากฏอยู่บนนาฬิการุ่นต่างๆ มากมาย และหนึ่งในรุ่นที่เลื่องชื่อที่สุดนั้นก็คือ Mercator (1512-1594) นักคณิตศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ชาวเฟลมิชผู้โด่งดังคนนี้ ซึ่งมีชื่อจริงว่า Gerhard Kremer เป็นผู้วาดภาพโลกแบบแบนครั้งแรก การเดินทางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่ Vacheron Constantin ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทจึงตัดสินใจฉลองครบรอบ 400 ปีการเสียชีวิตของนักเขียนแผนที่รายนี้ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นในชื่อของเขา หน้าปัดได้รับการลงยาเพื่อจำลองแผนที่ของซีกโลกที่ Mercator วาดขึ้น และมาพร้อมเข็มแบบเรโทรเกรดในรูปร่างคล้ายเข็มทิศที่รังสรรค์ขึ้นมาสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ
TOUR DE L’ÎLE
ผลงานชิ้นเอกที่นำเสนอโดย Vacheron Constantin เพื่อฉลองครบรอบ 250 ปี และนาฬิกาเรือนนี้มีความเหนือชั้นในทุกด้าน Tour de l’île เป็นนาฬิกาข้อมือแบบสองด้านที่เป็นรุ่นที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ผลิตมา โดยมาพร้อมกับการผสมผสานกลไกแกรนด์คอมพลิเคชันถึง 16 กลไกอย่างไม่เคยมีมาก่อน นาฬิการุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นเพียง 7 เรือนเท่านั้น ซึ่งต่อมาได้ชนะรางวัล Grand Prix de l'Aiguille d'or ที่ Grand Prix d'Horlogerie de Genève
MÉTIERS D’ART LES MASQUES
ในปี 2007 Vacheron Constantin ได้นำเสนอคอลเลคชั่น Métiers d'Art Les Masques ซึ่งเป็นการเดินทางอันยาวนานผ่านอวกาศและเวลาสู่รากเหง้าของมนุษยชาติ หน้ากาก 12 ชิ้นจากคอลเลคชั่น Barbier-Mueller ได้รับเลือกให้แกะลายและแกะสลักด้วยทองคำ และผลงานขนาดจิ๋วเหล่านี้ก็ได้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางหน้าปัด คอลเลคชั่นนี้ได้สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณที่เปิดกว้างต่อโลกของ Vacheron Constantin
PHILOSOPHIA
นาฬิกาสั่งทำพิเศษเรือนนี้นำเสนอแนวคิดเรื่องเวลาที่แตกต่างออกไป โดยผสมผสานการผลิตนาฬิกาชั้นสูงเข้ากับวิสัยทัศน์เชิงปรัชญาเกี่ยวกับเวลา นาฬิกาเรือนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคอลเลคชั่น Traditionnelle โดยมาพร้อมกับเข็มนาฬิกาเดี่ยวที่บอกชั่วโมงบนหน้าปัด 24 ชั่วโมง โดยมีกลไกคอมพลิเคชั่นอื่นๆ ที่นักสะสมที่สั่งทำร้องขอ ได้แก่ Minute Repeater ฟังก์ชันแสดงข้างขึ้นข้างแรม ตูร์บิญง และตัวบ่งชี้พลังงานสำรอง ซึ่งจะต้องใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 552 ชิ้นเพื่อผลิตผลงานชิ้นเอกแห่งวงการผลิตนาฬิกาเรือนนี้
นาฬิการุ่นที่มีหมายเลขอ้างอิง 57260
นาฬิการุ่นที่มีหมายเลขอ้างอิง 57260 เป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ผลิตขึ้นมา โดยได้รับการเผยโฉมในวันที่ 17 กันยายน 2015 เนื่องในวันครบรอบ 260 ปีของเมซง นาฬิกาที่โดดเด่นเรือนนี้จำเป็นต้องใช้เวลาพัฒนาถึงแปดปีเต็ม โดยมาพร้อมกับกลไกคอมพลิเคชั่น 57 กลไกตามที่ชื่อได้ระบุไว้ คำสั่งซื้อพิเศษจากนักสะสมผู้หลงใหลและมากความรู้ นาฬิการุ่นที่มีหมายเลขอ้างอิง 57260 แสดงให้เห็นอีกครั้งถึงความเชี่ยวชาญของแผนก Atelier Cabinotiers ซึ่งสืบสานประเพณีการผลิตตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างเป็นเลิศ นาฬิการุ่นที่มีหมายเลขอ้างอิง 57260 ได้ชนะรางวัล Jury Prize ที่ Grand Prix de l'Horlogerie de Genève
CELESTIA
นาฬิกาที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ ไม่มีคำใดจะอธิบาย Les Cabinotiers Celestia Astronomical Grand Complication 3600 ไปได้ดีกว่านี้อีกแล้ว กลไกเชิงกลคาลิเบอร์ 3600 แบบไขลานอัตโนมัติของนาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับกลไกคอมพลิเคชั่น 23 กลไก และสามารถอ่านเวลารัฐคติ เวลาสุริยคติ และเวลาดาราคติได้ ซึ่งล้วนขับเคลื่อนด้วยชุดเฟืองของตัวเอง นาฬิกาเรือนนี้คือที่สุดของทักษะทางเทคนิคที่มีคาลิเบอร์ในตัวแบบครบวงจร โดยมีชิ้นส่วน 514 ชิ้น ทว่ามีความหนาเพียง 8.7 มม. โดยมีกระปุกลานหกชิ้น ซึ่งจะมอบพลังงานสำรองยาวนานถึงสามสัปดาห์
TWIN-BEAT
เมื่อสวมใส่ นาฬิการุ่น Traditionnelle Twin Beat Perpetual Calendar นี้จะสร้างสรรค์จังหวะกลไกความถี่สูงที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟสมัยใหม่ ซึ่งแสดงชั่วโมง นาที วันที่ เดือน รอบปีอธิกสุรทิน และพลังงานสำรองบนหน้าปัด นาฬิกาอันโดดเด่นเรือนนี้เป็นดั่งความสําเร็จทางด้านเทคนิคที่เหนือชั้น ซึ่งใช้ระบบกลไกที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรที่ช่วยให้สามารถสลับระหว่างโหมดแอคทีฟความถี่สูง (5Hz, 36,000 vph) และโหมดสแตนด์บายความถี่ต่ำ (1.2Hz, 8,640 vph) ได้ในทันที บาลานซ์ทั้งแบบแอคทีฟและสแตนด์บายขับเคลื่อนโดยกระปุกลานอันเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกระจายพลังงานและเป็นวิธีเดียวที่จะมีตัวบ่งชี้การสำรองพลังงานเพียงอันเดียว ในขณะที่ไม่ได้สวมนาฬิกา นาฬิกาจะสามารถสำรองพลังงานได้นานขึ้นอย่างน้อย 65 วัน
ไอคอนที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของนาฬิการุ่น American 1921 ดังนั้น Vacheron Constantin จึงได้ค้นหาข้อมูลในคลังผลงานอย่างละเอียดถี่ถ้วนและใช้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์การผลิตนาฬิกาอย่างเต็มที่ เพื่อนำเสนอการผลิตนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคนั้นขึ้นมาใหม่อย่างสมจริงราวกับของเดิม
เวิร์คช็อปการฟื้นฟูสภาพนาฬิกาของเมซงและแผนกอนุรักษ์มรดกต้องใช้ความเชี่ยวชาญอันน่าทึ่งร่วมกันตลอดทั้งปีเพื่อรังสรรค์ผลงานสุดพิเศษหนึ่งเดียวนี้
แนวทางนี้อาจเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมนาฬิกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Vacheron Constantin ในด้านการอนุรักษ์ การสืบสาน และการเพิ่มคุณค่าให้กับมรดกและทักษะดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง
เอกลักษณ์แห่งความเป็นเลิศ
รางวัลไม่ใช่จุดจบที่เราเสาะแสวง อย่างไรก็ตาม การได้รับความยอมรับจากเพื่อนร่วมงานสะท้อนถึงการทำงาน และความมุ่งมั่นของช่างผลิตนาฬิกาและช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญของเรา
ชมนาฬิกาของเราในบูติก
มาสัมผัสกับผลงานหัตถศิลป์แห่งการผลิตเรือนเวลาที่แท้จริงในบูติกสาขาใดสาขาหนึ่งของเราทั่วโลก