270 ปีแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ตั้งแต่ปี 1755 ความเป็นเลิศด้านการผลิตนาฬิกาถือเป็นภารกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่นอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ควรค่าแก่การเปิดเผย

จุดแรกเริ่ม
Jean-Marc Vacheron ช่างผลิตนาฬิกาผู้เชี่ยวชาญในวัย 24 ปี ได้เซ็นสัญญากับช่างฝึกหัดคนแรก และได้ก่อตั้งธุรกิจขึ้น โดยแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการถ่ายทอดทักษะของเขา สัญญานี้จึงถือเป็นดั่งสูติบัตรของ Vacheron Constantin ซึ่งทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดที่ดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง

นาฬิกาพกรุ่นแรกที่ผลิตโดย JEAN-MARC VACHERON
ความภาคภูมิใจในมรดกของ Vacheron Constantin คือนาฬิกาสีเงินเรือนนี้ที่ลงนาม J.M. Vacheron à Geneve บนกลไก และเป็นนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่ระบุชื่อผู้ก่อตั้งบริษัทตามชื่อจริงของเขา นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการติดตั้งกลไก Verge ซึ่งมาพร้อมกับเข็มนาฬิการังสรรค์ขึ้นด้วยทองคำ สะพานจักร Balance-Cock เป็นส่วนของกลไกที่มองเห็นได้ชัดที่สุดทั้งยังแสดงให้เห็นถึงฝีมือระดับสูงในลวดลายอาหรับที่ละเอียดอ่อน มาตรฐานทางเทคนิคและความงามอันทวีคูณนี้ได้ค่อยๆ หล่อหลอมเอกลักษณ์ของเมซงขึ้นมา

ผู้สืบทอด: ABRAHAM VACHERON
ใน 1785 Abraham ลูกชายของ Jean-Marc Vacheron (1760-1843) ได้รับช่วงเวิร์คช็อปต่อ เขาได้รักษากิจการให้ดำเนินต่อไปได้ แม้จะประสบปัญหาหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส และการยึดครองเจนีวาโดยกองกำลัง French Directory เขาได้ดำเนินตามรอยพ่อของเขา และได้สอนอาชีพช่างซ่อมนาฬิกาให้กับลูกชายของเขา Jacques Barthélémi Vacheron

หลานของ JEAN-MARC VACHERON ได้เข้าสืบทอดกิจการ
Jacques Barthélémi Vacheron (1787-1864) หลานของ Jean-Marc Vacheron ได้เข้ามารับหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัว
บริษัทได้ผลิตเรือนเวลาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น อย่างเช่น นาฬิกาดนตรีที่มีท่วงทำนองต่างกันถึงสองทำนอง ทั้งนี้ Jacques Barthélémi Vacheron ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ของเขาไปยังฝรั่งเศสและอิตาลีเป็นครั้งแรกอีกด้วย
เชี่ยวชาญกลไกคอมพลิเคชั่นตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม
กลไกคอมพลิเคชั่นของนาฬิกาเป็นฟังก์ชันเสริมในนาฬิกาที่เพิ่มเติมมาจากการบอกชั่วโมงและนาที นาฬิกาพกที่มีระบบ Quarter Repeater มาพร้อมกับหน้าปัดลงยา กิโยเช่ และฝาหลังแกะสลักด้านหลังจากคอลเลคชั่น Vacheron Constantin ซึ่งแสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตนาฬิกาในช่วงเริ่มแรกของเมซง
พบเจอกับ FRANÇOIS CONSTANTIN
ความร่วมมือระหว่าง Jacques Barthélémi Vacheron (1787-1864) หลานชายของผู้ก่อตั้ง และนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์ François Constantin (1788-1854) ได้มอบชื่อใหม่ให้กับบริษัท Vacheron et Constantin
กำเนิดคำขวัญ
ชาวเจนีวาทั้งสองมีความสนใจในเรื่องนาฬิกาที่มีความซับซ้อนและสง่างามเหมือนกัน François Constantin มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจ และได้เปิดตลาดใหม่ๆ ผ่านการเดินทางตลอดช่วงสามทศวรรษให้กับบริษัท ในวันที่ 5 กรกฎาคม 1819 François Constantin ได้เขียนจดหมายจากตูรินถึง Jacques Barthélémi Vacheron ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหม่ของเขา จดหมายของเขานั้นมีวลีที่ได้กลับกลายเป็นคำขวัญของบริษัทที่ว่า:
“ทำให้ดีขึ้นหากเป็นไปได้ และเราทำให้สิ่งนั้นเป็นไปได้เสมอ”

ความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาในช่วงเริ่มต้น
นาฬิกาเยลโลว์โกลด์เรือนนี้มาพร้อมตัวเรือนที่ตกแต่งด้วยแผนที่อิตาลีในสีแชมเปญสีน้ำเงินที่ลงยาอย่างวิจิตรงดงาม หน้าปัดแบบทูโทนประกอบด้วยเลขโรมัน 12 เลข ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยสเกลนาที และหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ 6 นาฬิกา
ความใส่ใจในรายละเอียดและทักษะงานฝีมือที่แม่นยำถือเป็นลักษณะเฉพาะทั่วไปของประเพณีการตกแต่งสไตล์เจนีวา

อุปกรณ์แพนโทกราฟีได้นำไปสู่การฟื้นฟูทางเทคนิค
ในบรรดาสิ่งประดิษฐ์มากมายของ G.A Leschaut อุปกรณ์แพนโทกราฟีช่วงให้สามารถรังสรรค์ชิ้นส่วนและส่วนประกอบของคาลิเบอร์ที่มีขนาดเล็กลงหลายขนาดได้อย่างมีมาตรฐาน อุปกรณ์เครื่องนี้ได้รับรางวัล Prix de la Rive อันทรงเกียรติในปี 1844 จาก Arts Society สำหรับ “การค้นพบที่ล้ำค่าที่สุดต่ออุตสาหกรรมของเจนีวา”

นาฬิกาพกโครโนมิเตอร์
การจัดการแข่งขันด้านโครโนเมทรีในหลายประเทศในยุโรประหว่างช่วงศตวรรษที่ 19 ได้ส่งเสริมให้ช่างซ่อมนาฬิกาพัฒนาทักษะของตนเพื่อคว้ารางวัลอันทรงเกียรติไปครอง Vacheron Constantin ได้ส่งนาฬิกาเข้าร่วมการแข่งขันด้านโครโนเมทรีของหอดูดาวเจนีวาในช่วงเริ่มแรก และได้ชนะรางวัลอันทรงเกียรติที่นำไปสู่การสร้างสถิติแห่งศตวรรษ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นนาฬิกาพกโครโนมิเตอร์ทรงกลมที่ทำจากเยลโลว์โกลด์ 18K พร้อมหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ 6 นาฬิกา หน้าปัดลงยาสีขาวตกแต่งด้วยตัวเลขโรมัน 11 ตัว และรางนาทีด้านนอก ซึ่งลงวันที่ปี 1869

กำเนิดโลโก้กางเขนมอลต้า
สัญลักษณ์กางเขนมอลต้าของ Vacheron Constantin ได้รับการจดทะเบียนกับสำนักงานเครื่องหมายการค้าของรัฐบาลกลางสวิสในกรุงเบิร์น สัญลักษณ์นี้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของการแสวงหาความเที่ยงตรงของบริษัท ซึ่งนำมาจากการออกแบบชิ้นส่วนกลไกที่ติดตั้งบนที่ครอบกระปุกลานเพื่อรักษาแรงคงที่จากสปริงให้ได้มากที่สุด และเพื่อให้ได้อัตราการทำงานที่ดีกว่า

นาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพสตรี
นาฬิกาเรือนนี้เป็นหนึ่งในนาฬิกาข้อมือเรือนแรกๆ ที่ผลิตขึ้นสำหรับสุภาพสตรี การมาถึงของนาฬิการุ่นนี้ก่อให้เกิดความฮือฮาอย่างมาก เพราะไม่มีอะไรที่มาแทนที่นาฬิกาพกได้จวบจนช่วงต้นศตวรรษที่ 20
นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการแกะสลักอย่างปราณีต และติดตั้งอย่างบรรจงบนสายนาฬิกาอันวิจิตรที่มีเทพีมีปีกสององค์ พร้อมกับหน้าปัดที่ห้อมล้อมด้วยเพชร ทั้งนี้บริษัทยังได้พัฒนาเครื่องมืออันชาญฉลาดในการตั้งเวลาผ่านการหมุนขอบหน้าปัดขึ้น แทนการใช้เม็ดมะยมแบบไขลานที่อาจขัดกับการออกแบบที่สมดุล

นาฬิกาพกเคลือบอีนาเมล CLOISONNÉ
Vacheron Constantin ได้เปิดตัวนาฬิกาเรือนนี้ครั้งแรกในงานนิทรรศการนานาชาติมิลานปี 1906 ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาที่มีความสวยงามจนคณะลูกขุนได้มอบรางวัล Grand Prix ให้กับบริษัท
โดยนาฬิกาพกเยลโลว์โกลด์เรือนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่นนี้ นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับลวดลายดอกทิสเทิลที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างน่าทึ่งผ่านการลงยาแบบ Cloisonné พร้อมกับหน้าปัดสีเงินทูโทนบนหน้าปัดที่มีกิโยเช่ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นด้วยมืออยู่ตรงกึ่งกลาง ลักษณะการตกแต่งของนาฬิกาเรือนนี้แสดงถึงประเพณีของเจนีว่าอันเป็นเลิศในด้านความประณีต
เปิดร้านบูติกแห่งแรก
ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 เมซงเริ่มได้รับคำสั่งซื้อจากราชินี Mary of Rumania พี่น้อง Henry และ William James และเจ้าชาย Napoleon หลานชายของ Jerome Bonaparte
ทั้งนี้เพื่อจัดแสดงนาฬิกาสุดหนูในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม Vacheron Constantin จึงได้เปิดตัวร้านค้าแห่งแรกในวันที่ 1 สิงหาคม 1906 ที่ชั้นล่างของอาคาร Island ในเจนีวา

นาฬิกาพก Royal Chronometer
ในปี 1907 เมซงได้เปิดตัว Royal Chronometer เรือนแรกที่โดดเด่นเหนือนาฬิกาเรือนอื่นใดที่ผลิตในช่วงเวลาดังกล่าว และได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และความแม่นยำของนาฬิกาเรือนนี้เป็นที่ชื่นชมอย่างมากในหมู่เจ้าของที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งนาฬิกาไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมก่อนการมาถึงของนาฬิกาเรือนนี้

นาฬิกาข้อมือสำหรับมหาราชาแห่งปัตเตียลา
ในระหว่างปี 1914 และ 1915 บริษัทได้สร้างกลไกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดจิ๋วที่เรียกว่า “le tuyau” - ไปป์ ขึ้นมา กลไกนี้มีความยาวเพียง 26 มม. และกว้าง 6.5 มม. ซึ่งเป็นกลไกรุ่นก่อนหน้าของกลไกบาแกตต์ ซึ่งถูกนำมาใช้ในรุ่นทรงโค้งที่ผลิตในปี 1916 สำหรับสร้อยข้อมือสุภาพสตรีเส้นวิเศษนี้ที่ Sir Bhupinder Singh มหาราชาแห่งปัตเตียลาได้ไปครอง นาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นจากทองคำและเพชร ทั้งยังเลื่องชื่อด้วยงานฝีมืออันชาญฉลาดของตัวเรือนฉลุลาย แกะลาย และแกะสลัก กลไกบาแกตต์บนแผ่นฐานทรงสี่เหลี่ยมโค้งช่วยให้สามารถดูเวลาในโปรไฟล์ได้ในแนวข้างได้ โดยมีตัวเลขอารบิก 12 ตัวประดับบนหน้าปัดสีเงินแบบฝ้า

นาฬิกา Packard
เบื้องหลังความเรียบง่ายอันโดดเด่น นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นสำหรับวิศวกรรถยนต์และนักสะสมนาฬิกาชาวอเมริกันอย่าง James Ward Packard โดยซ่อนกลไกที่ซับซ้อนเป็นพิเศษไว้
นาฬิกาจะตีบอกทุกชั่วโมงและ 15 นาทีที่ผ่านไปในโหมด Grand Strike ในขณะที่มีโหมด Small Strike เพื่อตีบอกตามเวลาชั่วโมง และตีราย 15 นาที นอกจากนี้ เรือนเวลาที่น่าทึ่งนี้ยังสามารถตีบอกเวลาหนึ่งส่วนแปดของชั่วโมงได้ด้วย ทั้งยังมาพร้อมกับบาลานซ์ชดเชย Guillaume แก้วคริสตัลหิน และตัวเรือนแกะลายที่ทำมาจากทองคำ 20 กะรัต โดยมีอักษรย่อของเจ้าของ ซึ่งลงยาสีน้ำเงินอยู่ที่ด้านหลัง

นาฬิกาข้อมือสำหรับตลาดอเมริกา
นาฬิกาข้อมือสุดล้ำในกล่องกันกระแทกนี้ถูกผลิตขึ้นมาอย่างลับๆ สำหรับตลาดอเมริกาในช่วงยุครอริงทเวนตีส์แห่งทศวรรษที่ 20 โดยมีเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา และตำแหน่งของหน้าปัดเคลือบสีขาวพร้อมเลขอารบิก 11 ตัว สเกลนาทีและหน้าปัดย่อยแสดงวินาที ซึ่งแสดงเวลาได้อย่างรวดเร็ว
นาฬิกาที่โดดเด่นเรือนนี้ได้สะท้อนถึงทักษะและจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ของ Vacheron Constantin ซึ่งสอดคล้องกับห้วงอารมณ์แห่งการผจญภัยในช่วงทศวรรษ 1920 รุ่นที่เป็นเอกลักษณ์นี้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ในปี 2008 ผ่านการเปิดตัวนาฬิการุ่น «Historiques American 21»

นาฬิกาพก GRAND COMPLICATION
ในปี 1929 ชาวสวิสในอียิปต์ได้ถวายนาฬิกาเรือนนี้แก่กษัตริย์ Fuad I
นาฬิกาเรือนนี้ประกอบไปด้วยโครโนกราฟ ปฏิทินถาวร Minute-Repeater และ Grand/Small-Strike ในผลงานสร้างสรรค์นาฬิการะดับผู้เชี่ยวชาญ โดยมีตราราชวงศ์ที่ได้รับการลงยาอยู่ที่ด้านหลังของตัวเรือน นาฬิกาพกเยลโลว์โกลด์เรือนนี้มาพร้อมกับหน้าปัดสีเงินที่มีตัวเลขอารบิกสีดำ 10 ตัว ช่องบอกวันและวันที่บนตำแหน่ง 12 นาฬิกา หน้าปัดย่อยสำหรับเดือนและปีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ตัวจับเวลา 30 นาทีที่ 3 นาฬิกา และหน้าปัดบอกข้างขึ้นข้างแรม พร้อมกับเข็มวินาทีขนาดเล็กที่ 6 นาฬิกา
นาฬิกาบอกเวลาโลกเรือนแรกพร้อม 31 เขตเวลา
ในปี 1932 เราได้ร่วมมือกับ Cottier เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาบอกเวลาโลก «ระบบโกต์ติเยร์» เรือนแรก - ซึ่งมีหมายเลขอ้างอิง 3372 นี่เป็นกลไกเชิงกลเฉพาะที่แสดงเขตเวลา 24 เขต โดยใช้ดิสก์ที่หมุนรอบหน้าปัดตรงกลาง และขอบหน้าปัดด้านนอกที่จารึกชื่อเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกถึง 31 เมือง ซึ่งถือเป็นกลไกคอมพลิเคชั่นมากประโยชน์กลไกแรกที่ยังคงปรากฏอยู่ในนาฬิกาของเราในปัจจุบัน


สร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับ KING FAROUK
Vacheron Constantin ได้รังสรรค์หนึ่งในนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดให้กับ King Farouk บุตรของ King Fuad I แห่งอียิปต์ ซึ่งได้สืบทอดความชื่นชอบการผลิตนาฬิกาขั้นสูงมาจากบิดาของเขา ผลงานชิ้นเอกนี้ใช้เวลาสร้างสรรค์ถึง 5 ห้า โดยประกอบด้วยกลไกคอมพลิเคชั่น 14 กลไก

MARLON BRANDO สวมใส่ VACHERON CONSTANTIN เพื่อขึ้นรับรางวัลออสการ์ของเขา
Marlon Brando นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดังได้รับนาฬิกาหมายเลขอ้างอิง 4877 เรือนนี้ที่มาพร้อมหน้าปัดกิโยเช่ทำมือเป็นของขวัญจาก Zsa Zsa Gabor ในวันที่ 24 มิถุนายน 1954 เพื่อเฉลิมฉลองรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของเขา ปัจจุบัน เรือนเวลาอันโดดเด่นที่สลักคำอุทิศของ Zsa Zsa Gabor ไว้ที่ด้านหลังเรือนนี้อยู่ใน Heritage Private Collection of Vacheron Constantin Maison

นาฬิกาข้อมือแบบบางพิเศษ
เมซงได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาที่หรูหราที่สุด เนื่องในโอกาสครบรอบสองศตวรรษ เมซงได้เปิดตัวนาฬิกาแบบไขลานด้วยมือที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยขนาดเพียง 1.64 มม. ซึ่งบางเท่ากับเหรียญ 20 เซนต์ของสวิส กลไกคาลิเบอร์ที่ปัจจุบันได้รับตรารับรองคุณภาพของเจนีวานั้นได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนของกลไกที่บางเฉียบ

นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟที่มาพร้อมสเกลวัดความเร็ว
ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ต้านทานสนามแม่เหล็กและกันน้ำ ซึ่งมาพร้อมขานาฬิกาทรงเขาสัตว์ที่น่าทึ่งนี้ ได้ปกป้องกลไกโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีล พร้อมตัวนับเวลาที่ผ่านไปเอาไว้ โดยมีโล่เหล็กอ่อนได้ช่วยปกป้องกลไกจากสนามแม่เหล็ก หน้าปัดยังมีตัวนับ 30 นาที ณ ตําแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมด้วยหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ตําแหน่ง 9 นาฬิกา สไตล์ที่ได้รับการพัฒนาของนาฬิกาเรือนนี้ทำให้เรือนเวลานี้เป็นหนึ่งในโครโนกราฟที่เท่ที่สุดในยุคนั้น

6073
หน้าปัดแบบคลาสสิก ตัวเรือนที่เป็นเลิศ และส่วนประกอบทางเทคนิคที่ล้ำสมัย นาฬิการุ่น 6073 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความคิดสร้างสรรค์และความซับซ้อนในการผลิตนาฬิกาของเมซงในปี 1950 ซึ่งยังคงเป็นเรือนเวลาที่โดดเด่นในหลายด้าน โดยเรือนเวลาที่มีตัวเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งรูปทรงกลม บาง และสง่างาม ซึ่งขานาฬิกาแต่ละขาแสดงให้เห็นถึงส่วนหนึ่งของกางเขนมอลต้า


สไตล์คลาสสิกของ VACHERON CONSTANTIN
นาฬิกาทรงกลมที่บางเฉียบนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 เมื่อความสง่างามสะท้อนถึงสไตล์คลาสสิกของ Vacheron Constantin และมอบความน่าเชื่อถือที่โดดเด่นในขณะเดียวกัน การปราศจากการตกแต่งเพิ่มเติมและการออกแบบอันเรียบหรูนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยมีเงื่อนไขว่า ทุกรายละเอียดจะช่วยขับเน้นเส้นสายที่สะอาดตาและความงดงามของการออกแบบที่เหนือกาลเวลา
ในปี 2004 รุ่น Patrimony หวนรำลึกถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ด้วยการสร้างสรรค์รูปลักษณ์คลาสสิกขึ้นมาใหม่

DIPLÔME DU PRESTIGE DE LA FRANCE
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1972 รัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบรางวัล Diplôme du Prestige de la France สุดพิเศษและเป็นที่ต้องการให้กับ Vacheron Constantin เมซงเปิดตัวนาฬิกาข้อมือดีไซน์ใหม่ที่มีตัวเรือนโค้งมนแบบอสมมาตรและกลไกทรงรี
Vacheron Constantin จึงกลายเป็นผู้ผลิตนาฬิกาแห่งแรกที่ได้รับเกียรติเช่นนี้
THE GREAT ADVENTURE 222
นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการเปิดตัวในปี 1977 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 222 ปีของเมซง ตัวเรือนแบบชิ้นเดียวบนสายนาฬิกาแบบพอดีมาพร้อมกับขอบหน้าปัดแบบช่องหน้าต่างเรือที่ยึดไว้ด้วยน็อตจะช่วยให้นาฬิกาทนทานต่อการสึกหรออย่างรุนแรงในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ทว่าลักษณะเฉพาะของนาฬิกาที่มากด้วยเอกลักษณ์เรือนนี้ได้ทำให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นหนึ่งในงานออกแบบของ Vacheron Constantin ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับคอลเลคชั่น Overseas ซึ่งเป็นนาฬิกาอีกรุ่นที่เป็นที่รู้จัก

Kallista
TOUR DE FORCE อันวิจิตรตระการตา
นาฬิการุ่น Kallista (แปลว่า “สวยงามที่สุด” ในภาษากรีก) เป็นหนึ่งในผลงานเครื่องบอกเวลาที่เจิดจรัสที่สุด โดยได้รับการแกะสลักจากแท่งทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ประดับเพชร 118 เม็ด รวมกว่า 130 กะรัต
นาฬิกาเรือนนี้ใช้เวลาถึงห้าปีในการประดับเพชรเจียระไนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัดมุมทั้งหมด ทั้งยังใช้เวลากว่า 6,000 ชั่วโมงในการรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้

CALIBRE 1755 – กลไกมินิท รีพีทเตอร์ที่บางที่สุดในโลก
ด้วยการคำนึงถึงการพัฒนากลไกที่บางเป็นพิเศษแบบดั้งเดิม เมซงจึงสร้างสรรค์กลไกมินิท รีพีทเตอร์ในสไตล์เดียวกับรุ่นที่ผลิตในช่วงทศวรรษที่ 1940
เปิดตัวในปี 1922 Caliber 1755 กลายเป็นกลไกมินิท รีพีทเตอร์ที่บางที่สุดในโลก โดยมีความหนาเพียง 3.28 มม.

การยกย่องแด่ MERCATOR
Gerhard Kremer นักคณิตศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ชาวเฟลมิช เป็นผู้วาดภาพโลกแบบแบนครั้งแรกสำหรับใช้เป็นแผนที่นำทาง การเดินทางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่ Vacheron Constantin ด้วยเหตุนี้เอง เมซงจึงตัดสินใจหวนรำลึกครบรอบ 400 ปีแห่งการเสียชีวิตของนักเขียนแผนที่รายนี้ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นในชื่อของเขา
หน้าปัดลงยาอันงดงามนำเสนอแผนที่ต่างๆ ของซีกโลก ซึ่งวาดโดย Mercator เข็มนาฬิกาแบบเรโทรเกรดทรงวงเวียนถูกสร้างขึ้นสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ

จิตวิญญาณแห่งการเดินทาง
ปี 1996 ถือเป็นจุดกำเนิดของคอลเลคชั่น Overseas ซึ่งเป็นคอลเลชั่นที่ Vacheron Constantin ได้ผสมผสานเทคนิคการผลิตนาฬิกาขั้นสูงเข้ากับสไตล์สปอร์ต นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการออกแบบโครงสร้างให้มีลวดลายที่หรูหราและสะอาดตาอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสื่อถึงธีมการเดินทางแบบร่วมสมัย โดยมีสไตล์ที่สะอาดตาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศทางกลไก

LADY KALLA
Vacheron Constantin ได้รับรางวัล "Aiguille d'Or" ซึ่งเป็น Grand Prix d’Horlogerie de Genève รางวัลแรกด้วยนาฬิกาประดับอัญมณีชั้นสูง Lady Kalla

การกลับมาอีกครั้งของ PATRIMONY
ทรงกลมอันสมบูรณ์แบบ ภารกิจในการเสาะหาองค์ประกอบสำคัญ: คอลเลคชั่น Patrimony เป็นเรือนเวลาชั้นเลิศที่เปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์ที่มีสไตล์ เรือนเวลารุ่นนี้ผลิตขึ้นในปี 2004 สะท้อนถึงสไตล์มินิมอลลิสต์ที่สร้างสมดุลอันงดงามระหว่างเส้นสายและเส้นโค้ง ชวนให้นึกถึงตัวตนที่เปล่งประกายความสง่างามผ่านตัวเรือนเพรียวบาง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Vacheron Constantin ในปี 1950
สำนักงานใหญ่นานาชาติเปิดทำการที่ PLAN-LES-OUATES (สวิตเซอร์แลนด์)
ในวันที่ 9 สิงหาคม 2004 Vacheron Constantin ได้เข้าครอบครองโรงงานผลิตแห่งใหม่ใน Plan‑les-Ouates
อาคารร่วมสมัยที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Bernard Tschumi ในรูปทรงของกางเขนมอลต้าผ่าครึ่งที่ดูมีสไตล์ ซึ่งได้รวมฝ่ายบริหาร ฝ่ายการจัดการ และเวิร์คช็อปไว้ในสถานที่เดียวกัน

เฉลิมฉลอง 250 ปีแห่งงานฝีมืออันเหนือชั้น
Vacheron Constantin ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นผลงานสร้างสรรค์อันโดดเด่นห้าชิ้นที่เชิดชูงานฝีมือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกาของเมซงเพื่อฉลองครบรอบหนึ่งในสี่สหัสวรรษ
เนื่องในโอกาสนี้ เมซงได้นำเสนอนาฬิกาลึกลับอันโดดเด่นในทรงกลมพิงค์โกลด์ที่แกะสลักด้วยมือ ซึ่งเผยให้เห็นถึงนาฬิกาที่มีความซับซ้อนสูง และนาฬิกา Tour de l'Île ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา
Grand Prix d’Horlogerie de Genève ได้มอบรางวัลใหญ่ "Aiguille d'Or” ให้กับนาฬิกา Tour de l'Île ของ Vacheron Constantin
Les Masques
ในปี 2007 Vacheron Constantin ได้เปิดตัวคอลเลคชั่น Métiers d'Art Les Masques การเดินทางผ่านกาลเวลาและอวกาศอันยาวนานทำให้ช่างนาฬิการะดับผู้เชี่ยวชาญค้นหาต้นกำเนิดของความเป็นมนุษย์และการสะท้อนถึงหนึ่งในการแสดงออกที่งดงามที่สุดของจิตวิญญาณมนุษย์ เป็นผลให้มีการเลือกหน้ากากสิบสองชิ้นจากคอลเลคชั่น Barbier-Mueller เพื่อนำมาผลิตซ้ำด้วยทองคำ และชิ้นงานเหล่านี้ก็ได้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางหน้าปัด คอลเลคชั่นนี้ได้สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณที่เปิดกว้างต่อโลกของ Vacheron Constantin


สุดยอดนาฬิการุ่นหมายเลขอ้างอิง 57260 - ฉลองครบรอบ 260 ปี
นาฬิการุ่นหมายเลขอ้างอิง 57260 เป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ผลิตขึ้นมา โดยได้รับการเผยโฉมในวันที่ 17 กันยายน 2015 เนื่องในวันครบรอบ 260 ปีของเมซง นาฬิกาเรือนนี้ใช้เวลาคิดค้นนานถึง 8 ปี และผสานรวมกลไกคอมพลิเคชั่นทั้งหมด 57 กลไก นาฬิการุ่นหมายเลขอ้างอิง 57260 ได้รับสั่งทำโดยนักสะสมผู้หลงใหล โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริการ Les Cabinotier ซึ่งสืบสานประเพณีความเป็นเลิศของเราในการปรับแต่งนาฬิกาตามความปรารถนาเฉพาะบุคคล
Grand Prix de l'Horlogerie de Genève ได้มอบรางวัล Jury ให้กับนาฬิการุ่นหมายเลขอ้างอิง 57260 ของ Vacheron Constantin

CELESTIA ASTRONOMICAL GRAND COMPLICATION
Vacheron Constantin ได้เปิดตัว Les Cabinotiers Celestia Astronomical Grand Complication 3600 เรือนเวลาที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ นาฬิกาเรือนนี้ใช้กลไกแบบไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 3600 ประกอบด้วยกลไกคอมพลิเคชั่น 23 กลไกทั้งยังมาพร้อมเวลาสามแบบ ซึ่งล้วนขับเคลื่อนด้วยชุดเฟืองเฉพาะสามชุด โดยมีกระปุกลานหกชิ้นหรือสามคู่ ซึ่งจะมอบพลังงานสำรองยาวนานถึงสามสัปดาห์ คาลิเบอร์นี้มีความหนาเพียง 8.7 มม. พร้อมส่วนประกอบทั้งหมด 514 ชิ้น และเป็นดั่งความสำเร็จของการย่อขนาดและวิศวกรรมอย่างแท้จริง Grand Prix d’Horlogerie de Genève ได้มอบรางวัล Mechanical Exception Watch ให้กับนาฬิกา Les Cabinotiers Celestia Astronomical Grand Complication 3600 ของ Vacheron Constantin

การเปิดตัว FIFTYSIX
Fiftysix ชื่อและวันที่ซึ่งปลุกเอารุ่นไอคอนิกของ Vacheron Constantin จากปี 1956 ขึ้นมา คอลเลคชั่นที่นำสมัย สง่างามและสบายๆ ที่มาพร้อมสไตล์แบบสากลนี้แสดงตัวตนของมันออกมาผ่านความแตกต่างระหว่างหน้าปัดแบบคลาสสิกและตัวเรือนที่ท้าทาย ซึ่งอย่างหลังได้รับแรงบันดาลใจอย่างเด่นชัดจากสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนมอลทีสของเมซงที่ได้นำจานหมุนลายฉลุสีพิงก์โกลด์มาใช้อีกด้วย

ÉGÉRIE
คอลเลคชั่นใหม่สำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ การพบกันระหว่างโลกทั้งสองของโอกูตูร์และโอออร์โลเฌรีผ่านงานฝีมือ ความแม่นยำ ความเป็นเลิศ และความงดงาม เทพธิดาแห่งนาฬิกาเรือนใหม่ของเมซงมีชื่อว่า Égérie คอลเลคชั่นนี้ได้สานต่อโฉมหน้าของความเป็นผู้หญิงในการผลิตนาฬิกาตามแนวคิดของ Vacheron Constantin นาฬิกาเรือนนี้่มาพร้อมกับรูปโฉมคลาสสิกแบบ “ผ้าเดรป” พร้อมเติมแต่งเสน่ห์ที่สะท้อนถึงผู้หญิงยุคปัจจุบัน: เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ เป็นอิสระ และมีเสน่ห์
ชมนาฬิกาของเราในบูติก
มาสัมผัสกับผลงานหัตถศิลป์แห่งการผลิตเรือนเวลาที่แท้จริงในบูติกสาขาใดสาขาหนึ่งของเราทั่วโลก