มรดกอันครบสมบูรณ์ของ Vacheron Constantin จะได้ออกแสดงตลอดทั้งปีในงานนิทรรศการแบบมีธีมที่เดินทางไปตามบูติกต่างๆ “ผลงานสร้างสรรค์อัญมณีตามกาลเวลา” (Jewellery creations through time) ได้แสดงให้เห็นถึงอิสระในการสร้างสรรค์ที่มีมานานกว่าสองศตวรรษในศิลปะของการประดับตกแต่งและการประดับอัญมณีอันล้ำค่า
มรดกอันยอดเยี่ยม
นิทรรศการนี้เกิดขึ้นได้จากมรดกอันยอดเยี่ยมของเมซงที่เก็บรักษาผลงานกว่า 1,600 ชิ้นรวมไปถึงคลังเอกสารสำคัญที่ครอบคลุมประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเกือบสามศตวรรษ
ศิลปะแห่งการประดับอัญมณี
งานฝีมืออันมีศิลปะได้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มในโลกของการผลิตนาฬิกา ในฐานะส่วนประกอบที่สำคัญต่อความเชี่ยวชาญทางด้านกลไก ท่ามกลางเทคนิคที่แตกต่างกันนี้ ศิลปะแห่งการประดับอัญมณีที่ปรากฏบนชิ้นงานอัญมณีได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากผลงานสร้างสรรค์ของ Vacheron Constantin ได้
พบกับคอลเลคชั่นผลงานสร้างสรรค์อัญมณี
นาฬิกาที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการค้นหาการผลิตนาฬิกาชั้นสูง ความซับซ้อน และความมีเสน่ห์ของ Vacheron Constantin
นาฬิกาทำจากแพลทินัมประดับเพชร
ในช่วงยุค 1910 นั้นเริ่มมีรูปทรงและไอเดียใหม่ๆ ปรากฏขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้หญิงด้วยนาฬิกาที่ตอบสนองต่อความปรารถนาและการปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากข้อบังคับต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ นาฬิกาเรือนนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมนี้ ด้วยการย่อขนาดของกลไกนาฬิการุ่นใหม่อย่างคาลิเบอร์ RA 8’’’ ที่อยู่ภายในนาฬิการุ่นนี้
นาฬิกาทรงตอนโนแกะสลักและฝังเพชร
ในช่วงยุค 1920 Vacheron Constantin ได้นำเอาหลักสุนทรียศาสตร์ของกลไกแบบอาร์ตเดโคมาใช้ การออกแบบนาฬิกาจึงมีการใช้ตัวเรือนทรงรีหรือสี่เหลียมผืนผ้า ทรงสี่เหลี่ยมหรือทรงถัง(ตอนโน)ได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับนาฬิการุ่นปี 1929 ที่มีขานาฬิกาแบบหมุนได้นี้ ซึ่งช่วยทำให้สวมใส่บนข้อมือได้สบายยิ่งขึ้น
ผลงานจำลองของนาฬิกาข้อมือรุ่น Kallista
แกะสลักจากแท่งทองคำน้ำหนักหนึ่งกิโลและประดับด้วยเพชรเจียระไนทรงมรกตที่มีความบริสุทธิ์ชั้นเยี่ยมจำนวน 118 เม็ด น้ำหนักรวม 130 กะรัต นาฬิกา Kallista รุ่นดั้งเดิมคือหนึ่งในผลงานรังสรรค์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในการผลิตนาฬิกา และใช้เวลาในการผลิตมากกว่า 6,000 ชั่วโมงในการเจียระไนและประกอบเพชรจำนวนกว่าหนึ่งร้อยเม็ด ผลงานชั้นยอดนี้มาพร้อมกลไกที่ผลิตขึ้นเองอย่างคาลิเบอร์ 1052 ที่นับว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีความบางมากที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
วิธีในการผลิตผลงานสำหรับสุภาพสตรีในโลกแห่งเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงได้ขยายขอบเขตในการสื่อความหมายออกมาในปี 2024 ด้วยรุ่น Grand Lady Kalla ที่เปิดเรื่องราวบทใหม่ของนาฬิกาอันโดดเด่นนี้